คอนโดมิเนียม คือ

มาทำความรู้จักกับ คอนโดมิเนียม คืออะไร มีกี่ประเภท การเลือกซื้อ องค์ประกอบ และการจัดห้องควรเป็นแบบไหน

คำว่า “คอนโดมิเนียม” เริ่มติดปากคนไทยในรอบทศวรรษที่ผ่านมา จากแนวคิดที่ไม่ค่อยมีคนยอมรับในตอนแรก กลายเป็นภาพลักษณ์ใหม่ สำหรับเป็นที่อยู่ ที่อาศัยแทนบ้านเรือน ทั้งนี้เนื่องจากแนวคิดของผู้คนเริ่มเปลี่ยนไปตามภาวะเศรษฐกิจ ในแต่ละช่วงที่ผ่านมาและจากความนิยมของผู้มีฐานะดีแต่แรกเริ่มไปสู่ความนิยมของผู้มีรายได้น้อย คอนโด จึงมีมากขึ้นเรื่อย ๆ แต่คอนโดก็ยังถือว่าใหม่สำหรับวิถีชีวิตคนไทย

การเลือกซื้อคอนโดย่อมขึ้นอยู่กับเป้าหมายของแต่ละคน บ้างต้องการอยู่ใกล้แหล่งงาน บ้างต้องการ ที่อยู่อาศัยในราคาที่สามารถจ่ายได้ ทุกคนต้องการที่อยู่อาศัย ซึ่งไม่ต่างจากบ้านที่เขาเคยอยู่

ก่อนตัดสินใจซื้อคอนโด ผู้ซื้อควรศึกษาอสังหาฯ ให้เพียงพอ เพื่อความมั่นใจและความมั่นคงในชีวิตของตนเอง

คอนโดมิเนียม คือคำภาษาอังกฤษ ตามกฎหมายแล้ว คำว่า อาคารชุด หมายถึง อาคารที่บุคคลสามารถแบ่งแยกกรรมสิทธิ์ออกเป็นส่วนๆ ได้ แต่ละองค์ประกอบประกอบด้วยกรรมสิทธิ์ในทรัพย์สินส่วนบุคคลและกรรมสิทธิ์ร่วมในทรัพย์สินส่วนกลางซึ่งแปลเป็นไทยอีกครั้งว่าเจ้าของอาคารชุดคือห้องชุดที่ตนเป็นเจ้าของ ผู้ที่เป็นเจ้าของอยู่แล้วก็ยังมีทรัพย์สินที่มีกรรมสิทธิ์ร่วมกันอยู่อีกส่วนหนึ่ง เป็นทรัพย์สินส่วนรวม เช่น ทางเดิน ลิฟต์ ที่จอดรถ สระว่ายน้ำ ที่อยู่ในคอนโดมิเนียมนั้น. กรรมสิทธิ์เหล่านี้มีหลักฐานตาม ” พ.ร.บ. นิติบุคคลอาคารชุด ” ซึ่งเปรียบเสมือนโฉนดที่ดินและสามารถใช้ประโยชน์ได้เหมือนโฉนดที่ดินทุกประการ

คอนโดมิเนียม หรืออาคารชุดยังแบ่งออกได้ 3 ประเภท ตามการใช้งานคือ

  1. คอนโดมิเนียมเป็นอสังหาริมทรัพย์เพื่อการอยู่อาศัยประเภทหนึ่งที่ได้รับการออกแบบเพื่อให้มีที่อยู่อาศัยสำหรับผู้คนจำนวนมาก ประกอบด้วยห้องต่างๆ มากมาย และมีสิ่งอำนวยความสะดวกต่างๆ ขนาดของแต่ละยูนิตจะขึ้นอยู่กับทำเลที่ตั้งของโครงการเช่น สระว่ายน้ำ ห้องประชุม ห้องออกกำลังกาย ซุปเปอร์มาร์เก็ต
  2. คอนโดเพื่อการพักผ่อนมีลักษณะเดียวกับคอนโดเพื่ออยู่อาศัยแต่ทำเลที่ตั้งจะอยู่ในบริเวณสถานที่ท่องเที่ยวสำคัญและสิ่งอำนวยความสะดวกที่เหมาะสมพร้อมการพักผ่อนมากกว่า ผู้ซื้อคอนโดจะต้องการความเป็นส่วนตัวในการพักผ่อนช่วงสุดสัปดาห์ของครอบครัว หรือบริษัทซึ่งพร้อมจะใช้งานตลอดเวลา
  3. คอนโดมิเนียมเพื่อการพาณิชย์เป็นคอนโดสำหรับใช้ในสำนักงานหรือสถานประกอบกิจการค้า มีลักษณะ และการใช้งานเหมือนสำนักงาน คอนโดมิเนียมทั่วไป แต่บริษัท สามารถซื้อ เป็นกรรมสิทธิ์ได้

การเลือกซื้อคอนโดมิเนียม

ในการเลือกซื้อคอนโดมิเนียม ผู้ซื้อควรคำนึงถึงข้อควรพิจารณาอื่นๆ อีกหลายประการ ทั้งในด้านความสมบูรณ์ของอาคารและข้อกฎหมาย ซึ่งต่อไปนี้ จะกล่าวถึงการพิจารณาตัวอาคารก่อน

การเลือกซื้อคอนโดเป็นหลักการสำคัญที่ผู้ซื้อคอนโดควรคำนึงถึง ทั้งในแง่ของความสมบูรณ์ของอาคารและด้านกฎหมายมีข้อควรพิจารณาเล็กน้อย การพิจารณาอาคารเป็นที่ตั้งคอนโดเป็นอันดับแรก ปัจจัยนี้สำคัญที่สุด เพราะการตัดสินใจซื้อของผู้อยู่อาศัยในคอนโดมิเนียมจะมีเหตุผล มาจากความสะดวกในการเดินทางจากที่พักไปยังที่ทำงาน แต่ไม่ควรคำนึงถึงทำเล แค่มันใกล้ที่ทำงาน แต่ควรพิจารณาปัจจัยอื่นๆ ด้วย ที่ตั้งคอนโดสามารถติดต่อกับสถานที่ต่าง ๆ ได้สะดวกเพียงใด

ซึ่งเห็นได้จากเครือข่ายสำคัญที่มีอยู่ ทั้งนี้เนื่องจากแหล่งงานปัจจุบัน ถ้าทำงานในออฟฟิศก็จะมีการรวมตัวของออฟฟิศกระจุกตัวอยู่ใจกลางเมือง สิ่งที่ควรคำนึงอีกอย่างคือในรัศมีใกล้คอนโดที่จะเลือกซื้อเริ่มจากที่ตั้งของอาคาร และอาคารข้างเคียง สภาพแวดล้อมบริเวณรอบคอนโดฯ น่าอยู่เพียงใด ทางเข้าออกโครงการ สะดวกแค่ไหน ถ้าห่างจากถนนใหญ่ ก็ไม่ควรมากนัก และถนนซอยจะต้องกว้างพอ

ส่วนองค์ประกอบหลักที่สำคัญของอาคารชุดพักอาศัย(คอนโดฯ) ซึ่งได้แก่

  • ห้องรับแขกและห้องพักผ่อน
  • ห้องอาหาร
  • ห้องนอน
  • ห้องน้ำและห้องส้วม
  • ห้องแต่งตัว
  • เฉลียง
  • ห้องครัว
  • บริเวณซักล้าง
  • ห้องคนใช้
  • ห้องเก็บของ
  • โถงทางเข้า
  • ห้องละหมาด (สำหรับคอนโดพิเศษ)
  • ห้องทำงาน (สำหรับคอนโดฯพิเศษ)
  • สนามหญ้าและสวนไม้ประดับ (สำหรับคอนโดฯ พิเศษ)
  • ห้องรับแขก (สำหรับคอนโดฯพิเศษ) 

องค์ประกอบเสริมของอาคารชุดพักอาศัย (คอนโดฯ) ได้แก่

  • สระว่ายน้ำผู้ใหญ่และเด็กโตพร้อมห้องแต่งตัว
  • ห้องออกกำลังกาย ชาย-หญิง
  • ห้องสควอชหรือสนามเทนนิส
  • พื้นที่พักผ่อนในร่มและกลางแจ้ง
  • สนามเด็กเล่น
  • ห้องกีฬาในร่มและเอนกประสงค์
  • ห้องจัดเลี้ยงและเตรียมอาหาร
  • ห้องเก็บของรวม
  • ที่จอดรถ

การจัดห้องคอนโด ให้เหมาะสมควรจัดอย่างไร

เลือกใช้เฟอร์นิเจอร์มัลติฟังก์ชัน

ถ้ารู้ว่าห้องเราเล็กแนะนำให้เลือกเฟอร์นิเจอร์ที่มีฟังก์ชั่นหลากหลาย ซื้อชิ้นเดียว แต่ใช้งานได้หลากหลาย ตัวช่วยแก้ปัญหาที่แคบได้อย่างคุ้มค่า หรือจะเป็น เฟอร์นิเจอร์ที่สามารถพับเก็บได้ง่าย เช่น เตียงพับ เตียงติดผนัง จะใช้และดึงออก ไม่ใช้ก็พับเก็บก็น่าสนใจ เพราะสิ่งที่ใหญ่ที่สุดในห้องน่าจะเป็นเตียงนอน ถ้าพับได้จะประหยัดพื้นที่ได้มาก มีพื้นที่ให้ทำอย่างอื่นมากมาย

เลือกทาสีห้องด้วยสีขาว หรือ สีโทนสว่าง

สีขาวหรือสีสว่างเป็นตัวเลือกที่ดีสำหรับห้องเพราะจะช่วยให้ห้องดูกว้างขึ้น ไม่อึดอัดสบายตา คือถ้าขยายพื้นที่ไม่ได้จริง ๆ ก็ต้องใช้วิธีหลอกตาหน่อย หรือใช้กระจกช่วยก็ได้เช่นกัน

เลือกใช้ผนัง หรือ วอลเปเปอร์ลายขวาง

วอลล์เปเปอร์หลายชั้นยังเป็นการหลอกลวงที่ดี ส่วนใครที่ไม่ชอบให้ห้องสีโทนสว่างจนเกินไป การติดลายขวางที่ผนังก็ช่วยให้ห้องดูกว้างขึ้นได้เช่นกัน แต่คุณไม่จำเป็นต้องครอบคลุมทั้งห้อง เลือกมุมแทน ไม่งั้นตาลายแน่ ๆ

จัดห้องในแนวสูง

หลายคนอาจจะงงว่าจะจัดห้องสูง ๆ มันเปลี่ยนวิธีการนอนของคุณหรือไม่? ไม่ใช่อย่างนั้น การจัดห้องสูง คือ การจัดของให้ตั้งตรง เลือกใช้เฟอร์นิเจอร์ที่ไม่สูงหรือกว้าง เช่น เปลี่ยนจากชั้นหนังสือชั้นเดียว เป็นชั้นวางหนังสือสี่ชั้นที่มีความกว้างลดลง หรืออะไรที่ซ้อนกันได้อย่างพวกกล่องรองเท้าก็ซ้อนทับกันไว้ วิธีนี้จะช่วยประหยัดพื้นที่ไปได้อีกเยอะ โดยเฉพาะหนุ่ม ๆ สาว ๆ นักสะสมทั้งหลาย

แบ่งพื้นที่ให้เป็นสัดเป็นส่วนชัดเจน

นี่เป็นเทคนิคง่าย ๆ แต่เชื่อว่าหลายคนขี้เกียจไม่ทำ ถึงห้องก็อยากจะออกไปนอน มาเก็บไว้ที่นี่และที่นั่น มันขี้เกียจ เอาจริงๆห้องของบางคนรกจนไม่กล้าให้ใครเข้าห้องด้วยซ้ำ แต่หากมีเวลาว่างในวันหยุด ลองจัดเก็บ จัดระเบียบข้าวของให้เป็นส่วน ๆ จะพบว่าห้องคุณกว้างขึ้นได้อย่างน่าประหลาดเลยหละ ไม่ต้องใช้เท้าแหวกเวลาเดินแล้ว 

ใช้เฟอร์นิเจอร์ที่เคลื่อนย้ายได้ง่าย

ห้องเล็กแค่ไหนเฟอร์นิเจอร์ก็ต้องครบ ตามสโลแกนของมันต้องมีเฟอร์นิเจอร์ที่ขาดหรือไม่มีก็ได้ เรามาแสดงเฟอร์นิเจอร์ที่อาจขาดหรือไม่มีบ้าง ถ้าให้ดีแนะนำให้ซื้อเฟอร์นิเจอร์ที่สามารถเคลื่อนย้ายได้ง่าย เช่น โต๊ะพับ โต๊ะมีล้อเลื่อน จะจัดห้องในแต่ละวันก็สะดวก ที่สำคัญได้ประโยชน์หลายทางและไม่ทำให้ห้องแคบด้วย